หมดยุคไม้เรียว ครูห้ามตีเด็ก ผิดกฎหมายอาญา!!
เรื่องราวข่าวฉาวในรั้วโรงเรี ยนที่เป็นข่าวบ่อยครั้ง คงหนีไม่พ้นเรื่องของ เด็กตีกัน ครูตีเด็ก อย่างกรณีล่าสุด เด็กนักเรียนชาย ชั้น ป.1 ถูกครูใช้ไม้ตีหลังจนบวมซ้ำไปทั ้งแผ่นหลัง เหตุผลเพราะอ่านหนังสือไม่ค่ อยได้ กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กั นอย่างหนัก เพียงเพราะอารมณ์ของครู ทำให้เด็กต้องเจ็บตัวทั้งที่ไม่ ได้ทำผิด
ปัญหาประการหนึ่งที่ถู กยกมาถกเถียงกันบ่อย คือ ครูควรตีเด็กนักเรียนหรือไม่ ไม้เรียวที่เคยใช้ตีเด็กในยุคก่ อน ควรนำกลับมาใช้ต่อหรือไม่ โดยทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งยกเลิกการ ลงโทษเด็กนักเรียนด้วยการเฆี่ ยนตีมาถึง 10 ปี แล้ว ด้วยการออกระเบียบของกระทรวง ว่าด้วยการลงโทษนักเรียน พ.ศ.2548 กำหนดให้การลงโทษเด็กทำได้แค่ 4 สถาน เท่านั้น คือ
1.ว่ากล่าวตักเตือน 2.ทำทัณฑ์บน 3.ตัดคะแนนความประพฤติ 4.ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ ยนพฤติกรรม และภายหลังมีการเพิ่ มมาตรการลงโทษเด็กที่ไม่ สามารถปรับ เปลี่ยนพฤติกรรมได้ โดยให้พักการเรียนกับเด็กที่มี พฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง
แต่ยังมีเรื่องร้องเรียนครู ลงโทษด้วยวิธีรุนแรง เช่น ตบหน้า ตบหัว เอาสันไม้บรรทัดตีหัว หยิก ใช้ไม้ตีขา น่อง ก้น อย่างรุนแรงจนเกิดรอยบวมช้ำเลื อด เอารองเท้าครูตบหน้า ใช้มือชกไปที่ท้อง ให้วิ่งรอบสนามกลางแดดหลายรอบ จนเด็กเป็นลม
การการกระทำเหล่านี้เป็ นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบี ยบกระทรวงศึกษาธิการดังกล่าวทั้ งสิ้น มีความผิดทั้งทางวินัยข้ าราชการ ผิดจรรยาบรรณในวิชาชีพครู และยังเข้าข่ายผิ ดกฎหมายอาญาในข้อหาทำร้ายร่ างกายและจิตใจผู้อืนด้วย พร้อมย้ำว่า ทั้งหมดนี้ ห้ามเฆี่ยนตีเด็กอย่างเด็ดขาด และกฎหมายนี้บังคับใช้กับทุ กโรงเรียน ทั้งรัฐบาลและเอกชน
ดังนั้น การลงโทษของครูบาอาจารย์ ต้องเป็นไปตามระเบี ยบของกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนั กศึกษา จะลงโทษนอกเหนือจากระเบียบที่ กำหนดไว้ไม่ได้ ถือว่าไม่มีอำนาจโดยชอบด้ วยกฎหมายที่จะทำได้
ดังนั้น การลงโทษของครูบาอาจารย์ ต้องเป็นไปตามระเบี
และเมื่อไม่มีกฎหมายให้อำนาจครู ตีเด็ก ผู้ปกครองของนักเรียนมีอำนาจแจ้ งความดำเนินคดีฐานทำร้ายร่ างกายผู้อื่น เป็นคดีอาญาได้
ส่วนโทษของครูนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีทำร้ายว่าทารุ ณเพียงใด โดยพิจารณาจาก บาดแผล ผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของผู ้เสียหาย แถมผู้ปกครองยังมีสิทธิ์ฟ้องเรี ยกค่าเสียหายจากครูและโรงเรี ยนที่เป็นนายจ้างของครูด้วย
สุดท้าย สุภาษิตที่ว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี จึงใช้ไม่ได้สำหรับ ครู อาจารย์ กับนักเรียนในปัจจุบัน เด็กๆ มีสิทธิ์ที่จะเรียนหนังสื อโดยปราศจากความหวาดกลัว แต่โจทย์ใหญ่ที่ครูจะต้องรับมื อคือ การตักเตือนหรือหักคะแนน อาจไม่ได้ผลกับเด็กบางกลุ่ม จึงต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติ และวิธีการไม่ใช้ความรุนแรง ลงโทษให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และความเหมาะสม